เชฟโรเลต คามาโร เจนเนอเรชั่นที่หกเผยโฉมแล้วที่เมืองดีทรอยท์ของสหรัฐอเมริกา มาพร้อมการยกระดับสมรรถนะ เทคโนโลยีและความประณีต รวมถึงการออกแบบ เพื่อคงความเป็นผู้นำของเซกเมนท์รถสปอร์ตที่ครอบครองมาตลอดระยะเวลาห้าปี
คามาโร เจนเนอเรชั่นที่หกมอบประสบการณ์ขับขี่ที่รวดเร็วและเร้าใจยิ่งขึ้น ด้วยการใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาและเครื่องยนต์ที่ตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายกว่าเดิม ขุมพลังหกรุ่นใหม่เอี่ยมมีทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ และเครื่องยนต์ V6 3.6 ลิตรใหม่ และรุ่น LT1 เครื่องยนต์ V8 6.2 ลิตร ซึ่งให้พละกำลัง 455 แรงม้า แรงบิด 617 นิวตันเมตร ถือเป็นคามาโร SS ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา ทุกเครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
คามาโรใช้แพลทฟอร์มที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งกว่าเดิม ส่วนมิติตัวถังเล็กลงซึ่งทำให้รูปลักษณ์มีความปราดเปรียว โดยได้รับการพัฒนาในอุโมงค์ลม ยกระดับความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นและเพิ่มความประหยัดเชื้อเพลิง
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบโดยให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในเซกเมนท์ รวมถึงฟังก์ชั่น Driver Mode Selector มาตรวัดที่ปรับแต่งได้และแสงไฟสร้างบรรยากาศที่ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ
มาร์ก รอยส์ รองประธานบริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเจนเนอรัล มอเตอร์ส กล่าวว่า การออกแบบคามาโรเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและท้าทาย เคล็ดลับสำคัญอยู่ที่การยกระดับคุณภาพทุกด้าน ผู้ที่หลงใหลในคามาโรจะพบว่าคามาโรรุ่นใหม่ยังคงรักษาเอกลักษณ์การออกแบบที่ยอดเยี่ยม พร้อมยกระดับสมรรถนะเพิ่มเติม ขณะที่ลูกค้าคนรุ่นใหม่จะเล็งเห็นว่าคามาโร รุ่นปี 2016 มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ที่มีสมรรถนะและการออกแบบชั้นนำ
เชฟโรเลต คามาโร เจนเนอเรชั่นที่หกจะออกจำหน่ายภายในปีนี้ โดยมีรุ่นย่อย LT และ SS จีเอ็มยังผลิตและจัดจำหน่ายรถเชฟโรเลตในประเทศไทยทั้งรถกระบะ โคโลราโด รถพีพีวี เทรลเบลเซอร์ รถเอสยูวี แคปติวาและรถซีดาน ครูซ
คามาโร เจนเนอเรชั่นที่หกใช้ชิ้นส่วนเพียงสองชิ้นจากเจนเนอเรชั่นที่ห้า นั่นคือโลโก้โบว์ไทและโลโก้ SS เท่านั้น
เชฟโรเลตไม่เพียงมุ่งพัฒนาคามาโรรุ่นใหม่ให้เป็นคามาโรที่ดีที่สุดเท่าที่เคยผลิตมาเท่านั้น แต่ยังเป็นรถสมรรถนะสูงที่ดีที่สุดในตลาดเวลานี้ โดยให้ความสำคัญที่การพัฒนาสามด้านหลัก
สมรรถนะ
- น้ำหนักของตัวรถลดลง 200 ปอนด์หรือมากกว่านั้นตามรุ่นย่อย ทำให้การตอบสนองต่อการขับขี่เป็นไปอย่างรวดเร็วและทันใจยิ่งขึ้น
- ถือเป็นคามาโรที่ประหยัดน้ำมันที่สุด เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรให้พละกำลัง 275 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร มีอัตรากินน้ำมันที่ 12.75 กม./ลิตร (จากการประเมินของจีเอ็ม) อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ภายใน 6 วินาที
- สมรรถนะชั้นเลิศในรุ่นเครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.6 ลิตร ไดเรคอินเจคชั่น วาล์วแปรผันต่อเนื่อง และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบ Active Fuel Management (หยุดการทำงานของลูกสูบ) รีดพละกำลัง 335 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตรซึ่งถือเป็นเครื่อง V6 แบบไร้เทอร์โบที่แรงที่สุดในเซกเมนท์นี้
- รุ่นที่ทรงพลังที่สุดเป็นคามาโร SS ใช้เครื่องยนต์บล็อก V8 6.2 ลิตร LT1 ไดเรคอินเจคชั่น ให้พละกำลัง 455 แรงม้า แรงบิด 617 นิวตันเมตร
- ระบบช่วงล่าง Magnetic Ride Control ติดตั้งในรุ่นคามาโร SS เป็นครั้งแรก
- ด้วยการปรับปรุงสมรรถนะและการควบคุม คามาโร SS สามารถทำความเร็วได้เหนือกว่า Camaro 1LE เจนเนอเรชั่นที่ห้าที่ได้รับการพัฒนาสำหรับสนามแข่ง
เทคโนโลยี
- สามารถเลือกโหมดการขับขี่ด้วยฟังก์ชั่น Drive Mode Selector รุ่นใหม่ ซึ่งมีให้เลือก 4 โหมดคือ Snow/Ice, Tour, Sport รวมถึงโหมด Track ในรุ่น SS
- แสงไฟในห้องโดยสาร Interior Spectrum Lighting ครั้งแรกในเซกเมนท์นี้ มอบแสงไฟ 24 รูปแบบบนแดชบอร์ด แผงประตูและคอนโซลกลาง
- หน้าจอสีความละเอียดสูงที่รองรับการปรับแต่งได้ พร้อมด้วยหน้าจอคู่แสดงผลการทำงานของตัวรถขนาด 8 นิ้ว
การออกแบบ
- ยกระดับภาพลักษณ์ความปราดเปรียวและโดดเด่นบนโครงสร้างอันแข็งแกร่งและเพรียวบางกว่าเดิม มาพร้อมเทคโนโลยี LED เอกลักษณ์เฉพาะรูปแบบใหม่
- เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกการตกแต่งได้หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นสีตัวถังภายนอกที่มีถึง 10 เฉดสี สีภายในห้องโดยสารอีก 5 เฉดสี แสงไฟและอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่ศูนย์ผู้จัดจำหน่าย ทั้งล้อ การคาดลวดลายภายนอก และอุปกรณ์เพิ่มเติมอื่นๆ
- การออกแบบให้ความสำคัญสูงสุดด้านแอโรไดนามิก จากการทดสอบในอุโมงค์ลม 350 ชั่วโมง ลดแรงเสียดทานในรุ่น LT และเพิ่มแรงกดในรุ่น SS
- ภายในห้องโดยสารให้ความสำคัญกับการขับขี่ คันเกียร์ที่ติดตั้งอย่างเหมาะสมบนคอนโซลกลาง สวิทช์ควบคุมที่ใช้งานง่าย พวงมาลัยแบบตัดตรงและวัสดุคุณภาพสูง
- แหวนควบคุมรอบช่องแอร์ทีได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อการควบคุมอุณหภูมิและแรงลมแอร์ ลดจำนวนสวิทช์ให้น้อยลง